หากคุณเคยไปงานแต่งงานของคนรู้จักหลายๆงานที่ผ่านมา คุณอาจจะไม่เคยสังเกตุว่าช่อดอกไม้ของเจ้าสาวในแต่ละงานอาจไม่เหมือนกัน แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันไป ด้วยสีสันสวยงามและกลิ่นหอมๆที่จะช่วยสร้างบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มกับความรักสุดประทับใจของคู่บ่าวสาว เช่น ดอกกุหลาบ, ดอกลิลลี่, ไฮเดรนเยีย, สแตติส เป็นต้น ซึ่งดอกไม้ไหนจะมีความหมายพิเศษยังไงบ้าง วันนี้ทางแอดมินได้นำข้อมูลดีดีมาฝากผู้อ่านกัน
กุหลาบ
“ดอกไม้แห่งความรัก” สุดฮิตตลอดกาลคงหนีไม่พ้น ดอกกุหลาบ อีทั้งยังเป็นไม้ดอกที่สามารถออกดอกได้ตลอดปี สามารถหาได้ง่ายในท้องตลาด แต่ถ้าช่วงกุมภาพันธ์อาจจะมีราคาสูงเนื่องจากเป็นช่วงวาเลนไทน์
กล้วยไม้
กล้วยไม้ถือเป็นตัวแทนแห่ง “ความมั่งคั่ง” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ สามารถหาได้ง่ายตามท้องตลาด ราคาเองก็มีให้เลือกหลายระดับขึ้นอยู่กับความหายาก หลายๆสถานที่จัดงานมักนำมาใช้เพราะสีสันที่สวยงาม
ดอกลิลลี่
ดอกลิลลี่ หรือ ฉายาดอกไม้ของเจ้าหญิง ถือเป็นตัวแทนแห่ง “ความรักอันอ่อนหวาน” อีกทั้งยังให้ความหรูหรา โดยแต่ละสีก็จะมีความหมายที่ลึกซึ้งต่างกันไปอีก เช่น
สีชมพู – การพบความรักที่ดีที่สุด
สีส้ม – ความรักที่สดใสมีชีวิตชีวา
สีเหลือง – ความรักที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
สีขาว – ความรักที่จริงใจ
ไฮเดรนเยีย
ตัวแทนของ “คำขอบคุณ” แต่เนื่องด้วยลักษณะดอกไม้ที่มีกลีบบาง จึงมักนำไปจัดคู่ดอกไม้ชนิดอื่น ดอกไม้ชนิดนี้จะหาง่ายในภาคเหนือ ช่วงฤดูร้อนไปจนต้นฤดูฝน (พฤษภาคม – กันยายน)
สแตติส
หมายถึง “ความรู้สึกดีๆ ที่จะคงอยู่ตลอดไป” ลักษณะดอกเล็กๆคล้ายๆดอกหญ้า สามารถทนต่อการเหี่ยวเฉา แม้จะแห้งก็ยังคงรูปสวยงาม ราคาถูกและยังหาง่ายตามท้องตลาด นิยมนำไปจัดรวมกับดอกไม้ชนิดอื่นๆ
คาร์เนชั่น
ถือเป็นสัญลักษณ์ของ “การเฉลิมฉลอง” ชาวกรีกโรมันนิยมใช้ในการแสดงความยินดี ทนต่อความร้อนได้ดี สามารถหาซื้อได้ทั้งปี ราคาจับต้องได้ โดยดอกคาร์เนชั่นเองก็มีหลายหลายสี
สีแดง – การแสดงความรัก
สีชมพู – ความรักที่กำลังผลิบาน
สีขาว – รักแท้
สีเขียว – ความมั่นคงในรัก