หลายๆคนคงจะทราบกันดีว่าในงานแต่งงาน มักจะมีพิธีสวมแหวน แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าแหวนแต่งงานมีประวัติและความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจึงนำสาระน่ารู้เกี่ยวกับแหวนแต่งงานมาให้อ่านกัน ความเป็นมาของแหวนแต่งงาน ในยุคสมัยโบราณนั้น มนุษย์เชื่อว่าการรักใครสักคนและได้สวมแหวนที่นิ้วนางด้านซ้ายให้แก่กัน จะสามารถสื่ออำนาจแห่งความรักส่งผ่านเข้าสู่หัวใจของกันและกันได้ เนื่องจากนิ้วนางด้านซ้ายมีเส้นเลือดที่เชื่อมตรงเข้าสู่หัวใจ นอกจากนี้แหวนแต่งงานยังสื่อถึงสัญลักษณ์ของความรัก และยังสื่อถึงคำมั่นสัญญาที่มีต่อกันว่าจะร่วมทุกข์ ร่วมสุข จะดูแลซึ่งกันและกัน ให้ความมั่นคง และความอบอุ่นแก่กัน ประวัติและความเป็นมาของแหวนแต่งงาน ชนกลุ่มแรกที่เริ่มใช้แหวนแต่งงาน คือชาวอียิปต์ โดยมีหลักฐานจากอักษรภาพที่แสดงความหมายของวงกลม นั่นคือความไมีสิ้นสุดหรือเวลาที่เป็นนิรันดร์ ซึ่งเปรียบได้กับแหวนแต่งงานที่หมายถึงรักแท้ที่จะสืบทอดไปตลอดตราบชั่วนิรันดร์ ในระยะแรกได้มีการนำเถาวัลย์มาถักเป็นแหวนเพื่อสวมใส่ให้แก่กัน แต่เนื่องด้วยเถาวัลย์ไม่มีความคงทน จึงได้มีการพัฒนาเปลี่ยนไปใช้วัสดุอย่างอื่นแทน เช่น หนังสัตว์ เขา งาช้าง ตลอดจนโลหะต่างๆ เวลาต่อมา ความเชื่อเรื่องการสวมแหวนแต่งงานได้ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ยุคโรมัน ซึ่งมีความรู้และความชำนาญในเรื่องของการหลอมโลหะ จึงได้มีกาพัฒนาโดยการนำโลหะที่มีค่ามาทำเป็นแหวน พร้อมประดับด้วยหินสี พลอย และอัญยมณีต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณค่า จนกลายมาเป็นแหวนแต่งงานที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะทำจากโลหะทองคำ ต่อมา ธรรมเนียมการสวมแหวนนั้น ถูกนำไปเป็นจุดเริ่มต้นของพิธีหมั้น (Engagement) เพื่อประกาศให้รู้ว่าหญิงสาวที่สวมแหวนลงนี้ คือหญิงสาวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน และเพื่อเป็นการเตือนไม่ให้ชายอื่นเข้ามาข้องเกี่ยว และเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของอีกวิธีหนึ่งของชายโรมัน ประเพณีสวมแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน จึงได้สืบทอดต่อกันมา จนได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ความรู้สึกของคนสองคนที่มีให้ต่อกันอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากคุณกำลังวางแผนเรื่องการแต่งงานทาง Thavorn Hotels…

ดอกไม้กับงานแต่งงานเป็นของคู่กัน เพราะดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของควานสดชื่น ความโรแมนติก ซึ่งการนำดอกไม้มาใช้ในการจัดงานแต่งงานเป็นอีกหนึ่งความเชื่ออย่างยิ่งว่า ดอกไม้ที่มีความหมายอันเป็นสิริมงคล เมื่อนำมาใช้ในการจัดงานแต่งงานนั้นจะทำให้คู่บ่าวสาวสามารถเริ่มต้นชีวิตคู่ได้อย่างราบรื่น วันนี้จึงรวบรวมรายชื่อดอกไม้ที่มีความหมายดีๆและเป็นที่นิยมใช้สำหรับการจัดงานแต่งงานในภูเก็ตมาแนะนำกัน ดอกกุหลาบ (Rose) เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งดอกกุกลาบที่มักใช้ในการจัดงานแต่งงานในภูเก็ตส่วนมากจะเป็นสีชมพูและสีขาว เพราะจะทำให้ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูโรแมนติก สีชมพู : หมายถึง ความรักที่สุขสมบูรณ์ สีขาว : หมายถึง ความรักที่บริสุทธิ์ สงบ มิตรภาพ สีแดง : หมายถึง ความรัก ความปรารถนา เบญจมาศ (Chrysanthemum) เบญจมาศมีทั้งดอกเล็กและดอกใหญ่และหลากหลายสีสัน สามารถนำมาเป็นดอกไม้หลักในการจัดงานแต่งงานได้เลย สามารถนำดอกไม้เล็กๆมาจัดแซม จะให้ความรู้สึกที่สดชื่นและสวยงาม สีแดง : หมายถึง การรักใคร่ชอบพอกัน สีขาว : หมายถึง ความรักที่ซื่อสัตย์ สีเหลือง : หมายถึง ความโชคดี ทานตะวัน (Sunflower) สำหรับคู่บ่าวสาวที่มีแพลนที่จะจัดงานแต่งงานในช่วงของซัมเมอร์ การเลือกใช้ดอกไม้ต้องยกให้เป็นสีเหลืองอย่างดอกทานตะวันเลย เพราะเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง อบอุ่น ดอกทานตะวันเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง ความรักเดียวใจเดียว…

จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดเล็กๆ ตั้งอยู่ทางภาคใต้ ที่ผสมผสานความหลากหลายทางเชื้อชาติ และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น ชาวจีน ชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวตะวันตก ซึ่งชุดแต่งงานของแต่ละวัฒนธรรมก็จะมีความแตกต่างกันออกไป สำหรับการจัดงานแต่งงานในภูเก็ตเจ้าบ่าว-เจ้าสาวมีการแต่งชุดกันอย่างไรนั้น วันนี้จึงนำสาระดีๆมาให้อ่านกัน การแต่งงานด้วยชุดบาบ๋า เป็นประเพณีการแต่งงานแบบจีนในภูเก็ต ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานมากกว่า 100 ปี และยังเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวภูเก็ตเชื้อสายจีน งานแต่งแบบบาบ๋าโบราณคือวันที่เจ้าสาวจะสวยและรวยที่สุด ด้วยชุดแต่งงานและเครื่องประดับทองคำแท้และเพชรแท้ ตั้งแต่เครื่องประดับศีรษะที่เรียกว่ามงกุฎดอกไม้ไหว ต่างหูหงส์ สร้อยคอ เครื่องประดับกอสัง หรือกอรอสัง (เข็มกลัด 3 ตัวแม่ลูก) ที่ติดได้เป็นแผง คาดเข็มขัดทองแท้ สวมแหวนบาเยะที่นิ้วมือทั้งสิบนิ้ว ไปจนถึงกำไลทองที่ข้อเท้า และสวมรองเท้าลูกปัดที่เจ้าสาวยุคก่อนจะปักเองทีละเม็ดให้สมกับงานสำคัญในชีวิต ชุดแต่งงานแบบชาวไทยมุสลิม ชุดแต่งงานของชาวอิสลามจำเป็นต้องเป็นเสื้อแขนยาวเท่านั้น มีการตกแต่งชุดด้วยลูกไม้อย่างสวยงามและมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ซึ่งชุดที่ใช้ใส่สำหรับพิธีงานแต่งงานของชาวอิสลามนั้นจะต้องไม่บาง ไม่เห็นเนื้อผิวหนัง ต้องมีผ้าคลุมหรือฮิญาบ เพื่อปิดลำคอให้เห็นแต่เพียงใบหน้า  และการเลือกเครื่องประดับ ก็จะต้องดูให้เข้าโทนสีของชุดด้วย ชุดแต่งงานแบบชาวตะวันตก ประเพณีโบราณของชาวตะวันตกนั้นมีความคล้ายคลึงกับขนบธรรมเนียมของไทยอยู่ไม่น้อย เช่นการเลือกสีชุดเจ้าสาว ของชำร่วย และการถือเคล็ดโชคลางอื่น ๆ อีกมากมาย โดยชาวตะวันตกนิยมสวมชุดเจ้าสาวที่เป็นสีขาวซึ่งมีความเชื่อที่ว่า หากเจ้าสาวสวมชุดเจ้าสาวสีขาวในวันแต่งงานนั่นหมายถึงการเลือกคู่ครองที่ถูกต้อง ชุดแต่งงานแบบไทย ชุดแต่งงานแบบไทยมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเจ้าสาวจะต้องเลือกชุดให้เข้ากับรูปร่างสัดส่วนและสีผิวของตัวเอง ซึ่งทุกชุดจะถูกออกแบบเป็นลวดลายไทย…